วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เกาะช้าง


เกาะช้าง จ. ตราด

เกาะช้าง ข้อมูลการเดินทาง ที่พัก เกาะช้าง
เกาะช้าง นับว่าแหล่งท่องเที่ยวที่มาแรงมากในตอนนี้ เป็นเพราะว่าเกาะช้างอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีความสวยงาม เดินทางสะดวกสบาย ค่าใช้จ่ายไม่มากนัก เที่ยวได้ทั้งปี และที่สำคัญ เกาะช้าง ยังมีความสมบูรณ์ของธรรมชาติมาก

รู้จักเกาะช้างก่อนไปเกาะช้าง เกาะช้าง เป็นเกาะขนาดใหญ่ มีพื้นที่มากเป็นอันดับสองรองจากเกาะภูเก็ต ส่วนยาวสุดหัวเกาะ-ท้ายเกาะ 30 กิโลเมตร กว้างสุด 14 กิโลเมตร เกาะทั้งเกาะตั้งเป็นอำเภอหนึ่งอำเภอคืออำเภอเกาะช้าง เกาะช้างมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ทั้งป่าไม้บนเกาะและแนวปะการัง เพื่อรักษาพื้นที่ไว้ให้ลูกหลานได้ดูกันจึงจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยรวมเอาเกาะพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอยู่ในความดูแลรวม 40 เกาะ แต่เนื่องจากว่าเกาะต่างๆ เคยเป็นที่พื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนมาก่อน พื้นที่บางส่วนจึงถูกกันออกจากพื้นที่อุทยานเพื่อเป็นพื้นที่ของประชาชนที่มีโฉนดถูกต้องตามกฎหมายซึ่งมีอยู่แทบทุกเกาะ

จะไปเกาะช้างต้องรู้ โซนท่องเที่ยวบนเกาะช้างแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งตะวันออก และ ฝั่งตะวันตก แวบแรกเมื่อเรือขนานยนต์มาถึงท่าเทียบเรือบนฝั่งเกาะช้างก็จะเห็นถนนไป 2 ทิศทาง เกาะช้างเลี้ยวซ้าย และ เกาะช้างเลี้ยวขวา แล้วเราจะไปทางไหน

เกาะช้างเลี้ยวซ้าย หรือ เกาะช้างฝั่งตะวันออก เป็นด้านยังคงความเป็นเกาะช้างที่เต็มไปด้วยสวนผลไม้ สวนมะพร้าว สวนยางพารา ชายทะเลก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าโกงกาง เป็นด้านที่เงียบสงบ แต่เป็นด้านที่ไม่มีชายหาด พื้นที่ชายทะเลส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลนที่เต็มไปด้วยป่าแสมและป่าโกงกาง กิจกรรมที่น่าสนใจที่น่าสนใจของด้านนี้คือท่องเที่ยวธรรมชาติ พายเรือแคนนูชมป่าโกงกาง ชมหิงห้อยยามค่ำคืน พายเรือคายัคเที่ยวลัดเลาะตามริมฝั่ง รีสอร์ทด้านนี้ล้วนตั้งอยู่ชายทะเล แต่เป็นชายทะเลที่ไม่มีหาด กิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเลนั้นทำได้ตามปกติ โดยจะมีเรือเร็วรับจากรีสอร์ทพาไปเที่ยวดำน้ำตามเกาะที่สวยงาม เพียงแต่เมื่อพักอยู่ที่รีสอร์ทนั้นอยากจะวิ่งลงทะเลนั้นทำไม่ได้ ฝั่งนี้ที่พักราคาถูกกว่าอีกฝั่งหนึ่ง

เกาะช้างเลี้ยวขวา หรือ เกาะช้างฝั่งตะวันตก เปรียบเทียบเข้าใจง่ายๆ เรียกว่า ฝั่งพัทยาน้อยๆ เป็นฝั่งที่มีชายหาดสวยเรียงตัวไปตามแนวเกาะ ด้านนี้คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ หาดต่างๆ ที่ขึ้นชื่อล้วนอยู่ด้านนี้ทั้งหมด ที่พักมีมากมายตั้งแต่เกรสเฮาท์ราคาถูกๆ บังกะโลราคาประหยัดไปจนถึงรีสอร์ทคืนละหลายหมื่นบาท สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งธนาคาร ร้านอินเตอร์เนต ร้านเซเว่น และอีกสารพัดที่นักท่องเที่ยวต้องการ
ที่มา : www.tourdoi.com/koh/koh_chang.htm

ดอกบัว


บัวหลวง หรือดอกบัวที่ใช้จัดแจกันบูชาพระ มีดอกและใบชูขึ้นเหนือน้ำ ใบสีเขียวนวลค่อนข้างกลม ขอบใบเรียบ ผิวด้านบนมีขนอ่อนๆ และนวล ดอกมี 4 สี ได้แก่ สีขาว สีแดง สีชมพู และสีเหลือง ติดผลเป็นฝัก การขยายพันธุ์ บัวหลวงมีไหล ชอนไชไปตามหน้าดิน ต้นใหญ่จะเกิดมาจากไหลเหล่านั้น ปลูกต้นเดียวถ้าไม่ตายในหนึ่งปีขายออกไปได้เยอะจนกระทั่งเต็มบึง

บัวสาย เป็นบัวที่อยู่ตามหนองบึงที่มีระดับน้ำลึก เป็นบัวที่ชาวบ้านมักนิยมเก็บก้านดอกมาทำอาหาร หรือที่เรียกว่า สายบัว แม้ปัจจุบันนี้ยังนิยมนำมาปรุงอาหารเช่น แกงเลียงสายบัว บัวสายมีใบที่ใหญ่ ขอบใบหยัก มีดอกสีบานเย็น สีขาว และสีชมพู ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน การขยายพันธุ์ บัวสายมีเหง้าอยู่ใต้ดิน เมื่อต้นเก่าโทรมไปเมื่อน้ำแห้ง ครั้นถึงฤดูน้ำท่วมหัวเหล่านั้นก็จะแตกต้นอ่อนขึ้นมาใหม่ และอีกแบบคือการเพาะเมล็ด

บัวผัน บัวเผื่อน เป็นบัวพื้นเมืองที่ขึ้นอยู่ตามทุ่งนา ตามหนองน้ำ และน้ำคูน้ำริมถนนที่พบเห็นได้ทั่วไปเมื่อเดินทางออกไปตามชนบทที่มีน้ำท่วมขัง ดอกบานตอนเช้าและหุบในตอนเย็น ใบรูปไข่จนถึงกลม ดอกมีหลายกลีบ มีกลิ่มหอม การขยายพันธุ์ใช้วีธีการเพาะเมล็ด

บัวลูกผสมกลุ่มบัวผัน บัวผันมีดอกเล็กและมีกลีบดอกน้อย ปัจจุบันได้มีการผสมพันธุ์ผัวบันเกิดเป็นบัวลูกผสมที่กลีบดอกซ้อนสีสันสวยงาม และเป็นที่นิยมปลูกประดับกันทั่วไป บัวประดับที่พบเห็นส่วนใหญ่ล้วนเป็นบัวลูกผสมของกลุ่มบัวผันเกือบทั้งหมด สำหรับชื่อของพันธุ์ลูกผสมนั้นมีชื่อเรียกกันมากมายแล้วแต่ผู้คิดค้นพันธุ์จะตั้งชื่อ ตั้งชื่อตามเจ้าของบ้าง ตั้งชื่อใหม่ตามจินตนาการบ้าง จดจำกันไม่หวัดไม่ไหว ขายยพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

อีกชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกในเมืองไทย ได้แก่บัวนอกหรือบัวฝรั่ง มีสีสันสวยงาม มีรูปทรงดอกสวย ใบกลมมันสวย สมัยก่อนมีราคาแพงต้นละ 1000 กว่าบาท ลดลงมาเหลือ 500 บาท 300 บาท จนตอนหลังนี้เหลือกระถางละ 150 บาท ไปจนถึง กระถางละ 50 บาท แต่ไปอาจจะราคา 3 กระถาง 100 , แต่ละชนิดมีสีสวยงามทั้งสีขาว สีแดง สีชมพู สีเหลือง ดอกเหลืองเกสรชมพู สารพัด บัวนอกจะมีลำต้นอยู่ใต้ดิน เจริญเติบโตไปทิศทางข้างหน้าลักษณะเหมือนไหลบัว การขยายพันธุ์เพียงแค่ตัดลำต้นออกเป็นท่อนๆ แล้ววางไว้ก็จะแตกกอใหญ่ออกมามากมาย ด้วยเหตุที่ขยายพันธุ์ง่ายจึงทำให้ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว
ที่มา www.tourdoi.com/flower/water_flower/lotus1/index.html

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โทษน้ำกระท่อม


กระท่อมออกฤทธิ์ประเภทกระตุ้นประสาท

การเสพใบกระท่อมมากๆ หรือเป็นระยะเวลานาน มักจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีขึ้นที่บริเวณผิวหนัง ทำให้ผู้ที่รับประทานมีผิวคล้ำและเข้มขึ้น

และยังพบอีกว่าเสพกระท่อมโดยไม่ได้รูดเอาก้านใบออกจากตัวใบก่อน อาจจะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า "ถุงท่อม" ในลำไส้ได้ เนื่องจากก้านใบและใบของกระท่อมไม่สามารถย่อยได้ จึงตกตะกอนติดค้างอยู่ภายในลำไส้ ทำให้ขับถ่ายออกมาไม่ได้ เกิดพังผืดขึ้นมาหุ้มรัดอยู่โดยรอบก้อนกากกระท่อมนั้น ทำให้เกิดเป็นก้อนถุงขึ้นมาในลำไส้

บางรายจะมีอาการโรคจิตหวาดระแวง เห็นภาพหลอน คิดว่าคนจะมาทำร้ายตน และพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง

ถ้าหยุดเสพ จะเกิดอาการเสี้ยนยา ได้แก่

ไม่มีแรง
ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและกระดูก
แขนขากระตุก
อ่อนเพลีย ไม่สามารถทำงานได้
อารมณ์ซึมเศร้า
นํ้าตาไหล นํ้ามูกไหล
ก้าวร้าว
ผลการศึกษาหลายแห่งสรุปว่า

การใช้ใบกระท่อมในขนาดยาต่ำ ให้ผลกระตุ้นประสาท
ส่วนการใช้ขนาดยาสูง ให้ผลกดประสาท
แม้ใบกระท่อมให้ผลการออกฤทธิ์ที่อาจมีประโยชน์ทางยาได้ แต่ทำให้เสพติดและมีผลเสียต่อสุขภาพ หากใช้ติดต่อกันนานๆ
ที่มา www.yorkza.com

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดอกมะลิ


พันธุ์มะลิ
มะลิลา เป็นไม้รอเลื้อย กิ่งอ่อนและกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนมีขน ใบเป็นใบเดียวออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ใบเป็นรูปไข่ขอบเรียบ ดอกออกเป็นช่อ มี 3 ดอก ดอกกลางบานก่อน กลีบดอกชั้นเดียว ปลายกลีบมน ดอกสีขาว มะลิชนิดนี้ จะใช้ในการเด็ดดอกขาย
มะลุลี ลักษณะต้น ใบ อื่น ๆ คล้ายมะลิลา แต่ใบใหญ่กว่าดอกออกเป็นช่อ มี 3 ดอก และดอกกลางบานก่อน เช่นกัน แต่มีดอกซ้อน 3-4 ชั้น ปลายกลีบมน
มะลิถอดลักษณะโดยทั่ว ๆ ไป ทั้งต้น ใบ การจัดเรียงของใบ รูปแบบของใบคล้ายมะลิลาซ้อน แต่ใบเป็นคลื่น ดอกเป็นช่อมี 3 ดอก ดอกซ้อนมากชั้นกว่า คือ 3-6 ชั้น ดอกสีขาว มีกลิ่นหอมมาก ขนาดดอก 2.5-3.5 ซม.
มะลิซ้อนลักษณะทั่ว ๆ ไปคล้ายมะลิถอด และมะลิลาซ้อน แต่ใบมีลักษณะแคบกว่า ดอกออกเป็นช่อมี 3 ดอกเช่นกัน กลีบดอกซ้อน แต่ซ้อนกว่า 5 ชั้น แต่ละชั้นมีกลีบดอก 10 กลีบ ขึ้นไป ขนาดดอก 3-4 ซม. ดอกสีขาว กลิ่นหอมมาก
มะลิพิกุล หรือมะลิฉัตร ลักษณะต่าง ๆ คล้ายกับ 4 ชนิดแรก ใบคล้ายมะลิซ้อนและมีคลื่นเล็กน้อย ดอกเป็นช่อ 3 ดอก ดอกซ้อนเป็นชั้น ๆ เห็นได้ชัด (คล้ายฉัตร) และดอกมีขนาดเล็กพอ ๆ กับดอกพิกุล ขนาดดอก 1-1.4 ซม. ดอกสีขาว กลิ่นหอม
มะลิทะเล
มะลิพวง
มะลิเลื้อย
ที่มาhttp://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B4

กรรณิการ์


เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 2 เมตร ลำต้นและกิ่งเป็นเหลี่ยม ใบเป็นชนิดใบเดี่ยวออกเป็นคู่ เรียงตรงข้าม ใบทรงรูปไข่ ขอบใบเรียบหรือมีจักเล็กน้อย
ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง เป็นดอกเดี่ยวมีโคนกลีบติดกัน มีลักษณะเป็นหลอดสีส้ม กลีบดอกแคบ ปลายกลีบสีขาวและไม่เสมอกัน จะมีกลิ่นหอมตอนกลางคืน และดอกจะร่วงหมดในตอนเช้า ผลมีลักษณะเป็นแผ่นแบน ภายในมีเมล็ดอยู่ 2 เมล็ด
ขยายพันธุ์โดยการตอนหรือปักชำ
ชื่อวิทยาศาสตร์: Nyctanthes arbortristis Linn.
ชื่อสามัญ: กรรณิการ์ (อังกฤษ: Night blooming jasmin - มะลิบานราตรี)
ชื่อพื้นเมืองอื่น ๆ: กณิการ์ กรณิการ์
ประเภท: ไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง
ลักษณะ:
ต้น: สูงประมาณ 3 - 4 เมตร ตามลำต้นจะมีรอยเป็นเส้นคาดรอยต้นเป็นช่วงๆ ไปตามข้อต้น เปลือกของลำต้นนั้นมีสีขาว ลักษณะของลำต้นและกิ่งก้านโดยเฉพาะส่วนที่เป็นแขนงและกิ่งอ่อนจะเป็นสี่เหลี่ยม บริเวณแนวสันเหลี่ยมของกิ่งหรือลำต้นมีตุ่มเล็ก ๆ ประเป็นแนวอยู่ด้วย
ใบ: เป็นไม้ใบเดี่ยวแต่ออกเป็นคู่ๆ สลับกันไปตามข้อของต้น มีรูปมนรี ปลายใบแหลม มีสีเขียวและมีขนอ่อนๆ เป็นละอองปกคลุมอยู่ทั่วใบ มีลักษณะสากคายมือ
ดอก: ดอกสีขาว ออกเป็นช่อดอกเล็ก ๆ กระจายที่ปลายกิ่ง ประมาณช่อละ 5 - 8 ดอก แต่ละดอกมี 6 กลีบ กลีบดอกจะบิดเวียนไปทางขวาคล้ายกังหัน วงในดอกเป็นสีแสด งดดอกเป็นสีแสด เกสรเป็นเส้นเล็กละเอียดซ้อนอยู่ในหลอดดอก ขนาดของดอกบานเต็มที่ประมาณ 1.50 - 2 เซนติเมตร หลอดดอกยาว 1.50 เซนติเมตร ปลายแยกเป็น 5 - 8 แฉก ก้านช่อดอกมีใบประดับเล็กๆ 1 คู่ ดอกของกรรณิการ์มีกลิ่นหอมแรง บานกลางคืน ออกดอกตลอดปี
ผล: เป็นแผ่นแบนๆ ภายในมีเมล็ด 2 เมล็ด
การขยายพันธุ์: โดยการตอน หรือปักชำกิ่ง
การดูแล: ขึ้นได้ในดินทั่วไป แต่ต้องการความชุ่มชื้น และปลูกที่กลางแจ้ง
ประโยชน์: ใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคได้หลายชนิด ก้านดอกสามารถนำมาทำเป็นสีย้อมผ้าจีวรพระ หรือสีทำขนม
ที่มาhttp://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8Cดดอก

ลีลาวดี


ลีลาวดี
ลีลาวดี เป็นไม้ยืนต้น มีขนาดจากที่เป็นพุ่มเตี้ยแคระสูง
ประมาณ0.6 เมตร จนถึงต้นใหญ่มากอาจที่สูงได้ถึง
12 เมตร ลำต้นแผ่กิ่งก้านสาขาและพุ่มใบสวยงาม
มีน้ำยางขนสีขาวเป็นพันธุ์ไม้ที่สลัดใบในฤดูแล้ง
ก่อนที่จะผลิดอกผลิใบรุ่นใหม่ชนิดและพันธุ์
การขยายพันธุ์ การขยายพันธุ์ คือการเพิ่มจำนวนหรือปริมาณของพืชที่เราต้องกรรให้มากขึ้น การขายพันธุ์นั้น แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. การขยายพันธุ์โดยใช้เพศ ได้แก่ การเพราะเมล็ดหรือสปอร์
2. การขยายพันธุ์โดยไม่ใช้เพศ ได้แก่ การใช้ส่วนต่างๆ ของพืช เช่น การตอน การตัดชำ การทาบกิ่ง การต่อกิ่ง การแยกหน่อ ฯลฯ
ในการขยายพันธุ์ไม้ประดับนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพืชประเภทอื่นเลยแต่ทั้งนี้และทั้งนั้นในการขยายพันธุ์ไม้ประดับก็จะต้องพิจารณาถึงชนิดและประเภท
ของพันธุ์ไม้ด้วย สำหรับวิธีขยายพันธุ์นั้นมีอยู่มากมายหลายชนิดแต่วิธีที่กล่าวถึงต่อไปนี้ ถือเป็นวิธีขยายพันธุ์ที่ง่ายได้ผลดีและได้รับความนิยมกันมาก
ได้ก่ การเพาะเมล็ด การตอน การตัดชำและการแยกหน่อ
ที่มาhttp://www.maipradabonline.com/saramaipradab/kex3.htm

ปลากัด


ปลากัด เป็นปลาพื้นเมืองของไทย พบแพร่กระจายทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย
ลักษณะที่อยู่อาศัย : อาศัยอยู่ในอ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ หนองบึง แอ่งน้ำ ลำคลอง
ฯลฯ ในบริเวณที่มีระดับน้ำตื้นๆ น้ำค่อนข้างใส น้ำนิ่งหรือไหลเอื่อยๆ มีพันธุ์ไม้น้ำขึ้นประปราย ชอบว่ายน้ำช้าๆ บริเวณผิวน้ำ
ข้อมูลน่าสนใจด้านล่างคลิก
การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลากัด
เนื่องจากปลากัดเป็นปลาที่มีนิสัยก้าวร้าวชอบต่อสู้
เมื่อปลาอายุประมาณ 1.5-2 เดือนการเลี้ยงปลากัด
จึงจำเป็นต้องรับแยกปลากัด เลี้ยงในภาชนะเช่นขวดแบน
เพียงตัวเดียวก่อนที่ปลาจะมีพฤติกรรมต่อสู้กันหากแยก
ปลาช้าเกินไปปลาอาจจะ บอบช้ำไม่แข็งแรง หรือพิการได้ ปลาจะกัดกันเอง ควรจะแยกปลากัดเลี้ยงเดี่ยวๆ
ที่มา http://www.samud.com/bettle_fish.asp